ทริปไม่ตั้งใจบังเกิดเมื่อทริปที่ตั้งใจล่ม ทีนี้จะเอาไงดี ไม่มีข้อมูล อ่านเท่าที่สามารถจะทำได้ก็ได้แพลนมาคราวๆ ว่า พี่จะเดินทางจาก Srinagar ไปยัง Kargil และต่อไปยัง Ladakh (ไม่ผิดนะ พี่ไม่ได้ไป Leh ที่เดียว Ladakh ออกจะกว้างใหญ่)
ทริปนี้มีผู้ร่วมชะตากรรมที่ Kashmir 2 คน ส่วน ที่ Ladakh มี 5 คน
การเตรียมตัวก็เหมือนที่เค้าว่าๆ กันมาใน รีวิวทั้งหลายแหล่ ตามนั้น
ออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 4 ทุ่ม ถึง Dehli ประมาณเที่ยงคืน เที่ยงวันต่อมาบินไป Srinagar เครื่อง Delay ประมาณ 2 ชม. ไม่เป็นไร พี่ไม่รีบ
จะเล่าแพลนสำหรับ Kashmir พี่ติดต่อเพื่อนของเพื่อนไว้ว่าจะให้นางมารับที่สนามบิน ส่วนวันต่อๆไป ก็แล้วแต่อารมณ์ถ้าไม่ดีก็ไม่ต่อ ถ้าดีก็ค่อยว่ากัน แต่ด้วยเครื่อง Delay จึงทำให้ต้องคลาดกัน ก็เลยใช้บริการ Prepaid Taxi สนนราคา 600 รูปี ส่งถึงโรงแรม
เมื่อถึงโรงแรมก็เช็คอิน วางของ เตรียมตัวจะไปเดินเล่นกันบริเวณรอบๆ Dal Lake เดินลงมาจะ Drop กุญแจ ปรากฏ นางยืนยิ้มอยู่หน้า Lobby ทักทายเสร็จนางบอกว่าจะพาไปบ้านนาง ก็โอเค เป็นผู้หญิงง่ายๆ อะไรก็ได้ ก็ตามเค้าไป
นางพามาถึงท่าเรือรอพี่ชายพายเรือมารับ ไม่ใช่ ชิคารา นะ เล็กกว่าเรือพายในคลองบ้านช้านอีก แล้วนั่ง 4 คน นางบอกว่า นั่งได้ เอ้า ได้ก็ได้ แต่มันก็ได้นะ ก็ถึง แบบว่าเกร็งยันแกนสมอง
ถึงบ้านเรือนาง เออหว่ะ แม่ม โครต ชิว ชีวิต โครตจะ Relax นั่งริมน้ำ จิบชา คุยสารทุกข์สุขดิบ ชีวิตความเป็นอยู่ (พี่ไม่เคยรู้จักมักจี่กะเค้านะ แต่พี่ก็คุยกะเค้าได้ 555หารู้ไม่ว่ากำลังจะโดนเชือด) นั่งคุยกันซักพัก มีตาลุง นั่งเรือพายเข้ามาเทียบท่า ชี้หน้าด่า หนุ่มน้อย 2 คนของช้าน ไฟแลบ ช้านก็ตกใจเค้าทะเลาะอะไรกัน ปรากฏว่า นางคือคุณพ่อ ซึ่งไปรับชะนีไทย 2 ตัวที่สนามบิน รออยู่ตั้งแต่เที่ยงยันสามโมงเย็นไม่เจอ นางโมโหมากนางบอกว่า นางยืนรอนานมากรอจนไม่มีใครออกมาจากสนามบินแล้วถึงกลับ ได้ความดังนั้นพี่ก็บอกว่า เค้าขอโทษ เค้าก็หาอยู่แต่ไม่เห็นชื่อ เพราะว่าที่รอรับผู้โดยสารก็มีจุดเดียวในสนามบิน คือใต้ต้นไม้ 1 ต้น ที่มีคนชูป้ายประมาณ 20 ก็ไม่เห็นมีชื่อจริงๆ นางก็เลยว่าไม่เป็นไร แล้วนางก็ยิ้มหัวเราะ แซวโน่นแซวนี่ต่อ (คนนี้คือ สุดท้ายแล้วเป็น My Uncle นะ 555 นางน่ารักมาก)
มาชมบรรยากาศ บ้านเรือ และ Dal lake กัน
อันนี้ หน้าบ้านนาง ยามเย็น
Dal Lak ยามเช้า
ตบท้าย Sunset บนหลังคาบ้านเรือของคุณลุง (อุตส่าห์ขอเค้าปีนขึ้นหลังคาไปถ่ายนะ พยายามไปมั๊ย)
อ่ะ ต่อๆ คุยกันพอสมควร การขายก็เริ่มขึ้น คุณพี่ชาย ถามว่า จะไปไหนกันบ้าง ก็เอาแพลนให้ดูเลยค่า ก่อนหน้านี้ถามค่าแท็กซี่ที่โรงแรมมาแล้ว ค่าแท็กซี่ไปทุกที่จนถึง Leh ยกเว้น Sonamarg ให้ไปได้ที่เดียวคือ Glacier (มันเจ็บทำไม นั่นมันที่ที่ต้องไปนะ ทำไม ทำไม ทำไม ด้วยความโง่ ก็มันต้อง Trekking นะซี รถไปไม่ได้เจ้ อันนี้มารู้ที่หลังคุณพี่ชายบอก) โรงแรมให้ราคา 40,000 รูปี แต่นางบอกว่า นางให้ 36,000 รูปี ก็ตกลงจะเอาของนางนั่นแหละ แต่ แต่ แต่
คุณพี่ชายเหลือบไปเห็น Gangabal Lake ตัวแดงหรา นางถามว่าชอบหรอ บอกว่าใช่ ต้องไปให้ได้ คุณลุงก็เลย เอาอัลบั้มภาพ Trekking ของนางมาให้ดู เท่านั้นแหละค่ะ หูดับ หน้ามืด ตามัว ไม่ได้ยินเสียงคัดค้านของชะนีอีกนางข้างๆ นางตั้งราคา 2 คน 95,000 รูปี ต่อนาง 90,000 รูปี นางไม่ให้ บอกไม่ได้ ขาดทุน คุณพ่อเดินตรงเข้ามาเลยค่ะ ด่าไป แล้วหันมาบอกพี่ว่า เอาแค่นี้แหละพอและ ไม่รู้พี่โง่ หรือ นางเล่นใหญ่ แต่พี่ชายหน้าเซ็งมาก คุณพ่อบอกว่า แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบัตรแครดิตเองนะ 3% พี่ก็ตกลงซีคะรออัลไล สรุปรวม Trekking 4 วัน 3 คืน ราคา 92,700 รูปี (หลังจบทริป คิดในใจแม่งโครตถูก ถ้าเทียบกันสิ่งที่เค้าดูแลพี่และชะนีป้า)
Plan เปลี่ยนเป็น
Gulmarg 1 วัน
Yosmarg 1 วัน
Trekking -sonamarg 4 วัน
แล้วโรงแรมที่จองไว้แล้ว ?????? อันไหนยกเลิกได้ก็ยกเลิก อันไหนยกเลิกไม่ได้ก็ช่างมัน (เพราะว่า พี่จองถูก ก็ไม่เสียใจอะไรมากมาย 555 ไม่ได้รวย) นอนที่โรงแรมที่ Sonamarg อีกคืนนึง คุณลุงก็ไม่คิดเงินเพิ่มนะ แล้วโรงแรมที่ไปนอนนี่ พี่เช็คราคาแล้วคือมันแพงเชียวหล่ะ
คุยกันไปจนค่ำมืด นางก็ไปส่งที่โรงแรม นัดกันไว้ว่า ตอนเช้านางจะมารับไป Gulmarg
เช้ามาชะนีสองนางออกมาลั้นลาเดินเล่นริมทะเลสาบ น้องชายมารับที่ท่าเรือเสร็จไปบ้านนาง พี่ชายบอกว่าเสียใจด้วยเราไปไหนไม่ได้มี Curfew เนื่องจากเมื่อคืนมีเด็กหนุ่มคนนึงที่ทำงานเพื่อสังคมถูกยิงตายทำให้ชาวบ้านไม่พอใจประท้วงปิดถนน เอาแล้ว แล้วไง ยังไงต่อ แล้ว Gulmarg ช้านวันนี้ มันคงต้องจบแล้วใช่มั๊ย พี่ชายหันมาบอกว่า ใช่
ปรากฏก็กินนอนอยู่บ้านนางยันเย็น เพื่อเป็นการปลอบใจสำหรับวันนี้ พี่ชายบอกว่า เดี๋ยวพาไปเที่ยวตลาดน้ำยามเย็น ค่ำๆ ก็พายเรือกันออกไป ก็สนุกสนาน ซื้อของกันไปแก้เครียด แล้วพวกนางก็พามาส่งโรงแรมเพื่อเอาของไปนอนบ้านนางเพราะว่า พรุ่งนี้ต้องไปเที่ยวตลาดน้ำยามเช้าตั้งแต่ตีสี่ (คืนนี้นอนบ้านนางฟรีนะ) ถึงโรงแรมเก็บของเดินกลับมาท่าเรือ พายเรือออกไปไม่ถึง 10 เมตร คุณลุง (คุณพ่อนั่นแหละต่อไปนี้ขอเรียกคุณลุง เพราะพี่เรียกนาง uncle จนติดปาก) โทรหาพี่ชายว่า ให้เราเก็บของทั้งหมดไปนอนบ้านนาง อยู่โรงแรมไม่ปลอดภัยมีเด็กก่อกวนขว้างหินใส่หน้าต่างโรงแรม ให้ไปนอนบ้านเรือเลย พี่ก็ จ๊ะ จ๊ะ แบบ งง งง และ ตกใจ รีบกลับไปโรงแรม เก็บของทั้งหมด เช็คเอ้าท์ ทั้งที่จ่ายเงินไปหมดแล้วนะ
สอบถามเจ้าของโรงแรม เจ้าของโรงแรมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แล้วก็ไม่ได้ห้ามด้วย ก็จะรออะไรหล่ะคะ เผ่นค่ะ
(สรุปก็ต้องมากินนอนอยู่บ้านนาง 2 คืน 3 วัน นางไม่คิดตังค์นะ (คิดไปเยอะแล้วค่า Trekking 555) )
เช้ามาไปเที่ยวตลาดน้ำยามเช้า สนุกมาก ชาวบ้านเอาของมาแลกกัน น่ารักมาก แต่พวกที่ขายเค้าก็ขายนักท่องเที่ยวแบบพี่นี่แหละ 555 แต่พี่พูดได้เลย มีคนไทยแค่ 2 คนในขณะนั้น มาเลเซียเยอะเชียว
กลับมาอาบน้ำ นั่งๆ นอนๆ ไปไหนไม่ได้ คุณลุงบอกว่า เดี๋ยวบ่ายๆ เช็คสถานการณ์ถ้าไม่มีอะไร จะพาไปเที่ยวตลาด (ซึ่งปิด) ก็ไปเดินเล่นกัน ซื้อของเตรียม Trekking พรุ่งนี้ อย่าเรียกว่า พรุ่งนี้เลยเรียกคืนนี้ดีกว่า ต้องออกตีสองค่ะ
Trekking Sonamarg ที่รอคอย
ตีสองล้อหมุนถึงด่าน Sonamarg ตีห้า รอด่านเปิดทำใบอนุญาตเสร็จก็ออกเดินทางกันจริงๆ ก็เกือบ 9 โมง
ขอแนะนำ ผู้ร่วมเดินทาง
นายพลบังคับม้า นาม อิมรอน
กองเสบียง 2 ท่าน (จำชื่อไม่ได้)
คุณลุง
น้องชาย
ผู้มีพระคุณ 3 ตัว - ม้าคุณลุง Tufarn ความหมายคือ พายุ
- ม้าชะนีป้า Risky ความหมายคือ โชคลาภ
- ม้าพี่เอง Badan ความหมายคือ แข็งแรง
จะบอกว่า Badan นางน่ารักมาก นางจะ Find the new road เสมอ มีอะไรนางก็จะพยายามตัดสินใจเอง คือพูดง่ายๆ ไม่ค่อยเชื่อฟัง พี่อิมรอน เท่าไหร่ แต่ถ้าพี่บอกว่า Badan Calm down นางก็จะค่อยๆ ย่าง คิดแล้วค่อยเดิน นางไม่เคยเหวี่ยง รักนางเลยหล่ะ 555
คือ Trekking เดิน สลับนั่งม้า นะครัช เดินอย่างเดียว อาจจะตายตั้งแต่เขาลูกแรก ซึ่งพี่ลองเดินดูแล้ว ครึ่งลูก แล้วพี่ก็ตระหนักรู้ได้ว่านั่งม้าเถอะ ไม่ได้เตรียมตัวมาเดิน ไม่ไหว จบนะ
ม้าเสบียงอีก 4 ตัว จำชื่อไม่หมด
รวมทริปนี้ ผู้ชาย 5 คน ม้า 7 ตัว ดูแล ชะนีแก่ 2 ตัว (เยอะนะ)
อ้อ ไม่มีห้องน้ำนะจ๊ะ open air ตลอดทริป ไปแอบใช้เต้นท์ห้องน้ำของเพื่อนบ้านบางครั้ง 5555 เค้าให้ใช้ไม่ว่านะ เพื่อนบ้านใจดี
ตลอดทริป คุณลุง ดูแล ดีมาก ทั้งๆ ที่ตัวเอง ป่วยหนักมาก น้องชาย เทคแคร์ สุดๆ รวมถึงอิมรอน และ เพื่อนร่วมทริป อีก 2 คน อย่าได้ขยับตัว พวกนางจะต้องเข้าชาร์จ น่ารักมาก
ถึง Lake มีปลา trout ให้กินด้วย พวกผู้ชายตกมาได้ประมาณ 20 ตัว อร่อยมากกกกกกกกกกกกก จริงๆนะ (คุณลุงทอดให้กิน)
ดูรูปดีกว่า ว่าคุ้มค่ากับการเดินทางหรือไม่ แต่พี่พูดเลยว่า พี่เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรสวยงามแบบนี้มาก่อนในชีวิต พี่ให้เต็มสิบ
อ้อ รูป 99% ถ่ายบนหลังม้านะจ๊ะ พี่ทำได้แค่นี้จริงๆ
นี่คือ Sonamarg อินเดีย
บรรดาผู้ชายของพี่ ขวาสุด คุณลุง คนที่สามจากขวา คนที่สองจากซ้าย และซ้ายสุดอิมรอน อีก 2 คน เพื่อนเค้า (ภาพนี้รักเลย แบบว่า เฮียคะ เทห์ คอด คอด ค่ะ)
เห็นอะไรมั๊ย มีหัวใจด้วย 555
ลงมาจากเขา ตามแพลนคือ กลับไปบ้านคุณลุงก่อนแล้วเช้าค่อยออกไป Kargil แต่ Curfew จึงผ่านด่าน Sonamarg ไม่ได้ต้องนอนที่ Sonamarg 1 คืน แล้วเช้าออกไป Kargil คุณลุงบอกว่า “You call hell, we call life” มันสะเทือนไต โชคดีแค่ไหนแล้วนะนี่เรา
เช้าคุณลุงขับไป Kargil แล้วไปส่งต่อจนถึง Leh แวะให้ถ่ายรูปตลอดทาง แต่ฝนตก ไม่ได้รูปเลย
จนแล้วจนรอดพี่ก็ยังไม่ถึง Gangabal Lake แต่พี่ก็ไม่เสียใจนะ ปีหน้าพี่จะต้องไปนั่งจ้องหน้าเธอให้ได้
ใครอยากได้รายละเอียดสอบถามได้นะครัช ไม่อยากเขียนลงไปในนี้เพราะว่า มันจะเยอะไป
ตอนหน้าจะมาเล่าเรื่อง Pangong Lake ให้ฟัง ข้าม Leh ไปนะ พี่บอกแล้วพี่ไม่ชอบ จบนะ เจอกัน ตามนี้
|